ใครจะไปคิดว่าเด็กผู้หญิง ตัวเล็กๆบอบบางอย่างฉัน จะเลือกเดินทางบนถนนเส้นนี้ ….
เด็กผู้หญิงที่ดูภายนอกจะเป็นคนหวานๆ กุ๊กกิ๊ก กลับเป็นผู้หญิงคนเดียวในโรงเรียนที่เลือกเรียนสถาปัตย์ ด้วยความที่คนทั่วไปมักจะติดภาพของเด็กถาปัดเป็นพวกเซอร์ๆ บ้าๆหน่อย ผู้หญิงที่ดูยังไงๆมันก็ไม่มีลุคของสถาปนิกเลยซักนิดอย่างฉัน เลยทำให้ทุกคนแปลกใจ จำได้ว่าตอนที่ตัดสินใจเลือกเอนท์คณะนี้ ครูและเพื่อนๆที่โรงเรียน รวมถึงทุกคนในครอบครัว ทำหน้าตกใจพร้อมกับถามว่า จะไหวเหรอ?
แต่ตอนนั้นรู้แค่ว่าชอบวาดรูป อยากเรียนศิลปะ อยากเป็นเด็กถาปัด แค่นั้นจริงๆ
ฉันเรียนติวเข้าสถาปัตย์ ที่โรงเรียนสอนศิลปะแห่งหนึ่ง นอกจากจะสอนศิลปะแล้ว ที่นั่นยังสอนให้รู้จักค้นหาตัวเอง รู้สึกเหมือนโรงเรียนคือบ้านหลังที่ 2 ถึงขนาดยอมทิ้งคอร์สเรียนเคมี ฟิสิกส์และอีกหลายวิชา เพื่อใช้เวลาเรียนศิลปะทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งไม่รู้ว่าเสี่ยงเกินไปรึเปล่า แต่รู้สึกว่ามีความสุขที่ได้วาดรูป ถึงแม้ว่าจะทำได้ไม่ดีนัก มันก็ยังดีกว่าให้นั่งคิดเลขแหละ ตอนนั้นคิดว่าต่อให้เอนท์ถาปัดไม่ติด ยังไงก็จะเรียนศิลปะให้ได้ แม้ว่าจะมีพี่ติวหลายคนบอกว่า น้องเหมาะกับการเป็นเลขามากกว่า !!
แล้วฉันก็เอนท์ติดถาปัด…..
นี่เป็นสิ่งแรกในชีวิตที่ทำสำเร็จ!! ฉันเริ่มออกเดินบนเส้นทางสถาปัตย์ ไปพร้อมๆกับลงเรียน นิเทศน์โฆษณา มสธ. (อย่าเพิ่งคิดว่าเก่ง แค่เรียนเอาใจพ่อ ) พร้อมกับการเริ่มค้นพบว่า ทางเดินมันไม่ได้สวยงามเหมือนที่เคยฝันเอาไว้ การที่เด็กผู้หญิงที่ข้ามถนนเองยังทำไม่ได้แบบฉัน ต้องมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันเหมือนนกที่เพิ่งหัดบิน อะไรๆมันดูเป็นเรื่องยากไปซะทุกอย่าง ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องการใช้ชีวิต ไม่รู้ว่าตั้งแต่เรียนมาร้องไห้ไปแล้วกี่ครั้ง แต่ก็สู้มาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะความสุขที่ได้รับมันมีมากกว่า มากพอที่จะลบคราบน้ำตาที่เคยมีมาทั้งหมดได้ สถาปัตย์ไม่ได้สอนแค่เรื่องการออกแบบ แต่สอนไปถึงการใช้ชีวิต การรู้จักปรับตัวให้อยู่รอดในสังคม อ่อนและแข็งให้เป็นเมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ
เพิ่งเข้าใจ ก็ตอนฝึกงานเนี่ยแหละ…..
การฝึกงาน ทำให้รู้ว่าการเป็นสถาปนิกนี่มันเหนื่อยจริงๆ บางทีเคยแอบสงสัยว่า นี่มันออฟฟิศหรือว่าโรงงานนรกกันแน่ แล้วเราจะทำได้ซักกี่ปีกัน ?? จะตายคาออฟฟิศมั๊ย ?? หลายสิ่งที่ได้พบเจอตลอด 30 วัน ทำให้นึกถึงอาจารย์หลายคน อยากยกมือไหว้ขอบคุณท่านทั้งหลาย ที่ฝึกให้มีความอดทน อดกลั้นต่อปัญหาต่างๆที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวัน และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีสติ ทำให้การฝึกงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ผ่านมา 4 ปี....
งานชิ้นสำคัญในชีวิตปี 5 ที่ต้องทำคงหนีไม่พ้นทีสิส หัวข้อที่เสนอไปคือ โครงการศูนย์ศิลปะบำบัด ชื่อหัวข้อทีสิสที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต รู้แค่ว่าชื่อศิลปะบำบัดมันน่าสนใจดี พอได้ลองหาข้อมูลอย่างจริงจัง เลยทำให้ได้รู้ว่ามันน่าสนใจมากจริงๆ การนำศิลปะมาเป็นส่วนหนึ่งในการบำบัดรักษาโรคทางจิตใจ สามารถคลายความเครียดและรักษาบาดแผลในจิตใจคนเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ปีนี้อยู่ปี5แล้ว....
ความรู้สึกต่างไปจากเดิมมาก โดยเฉพาะเวลาเห็นสีหน้าตกใจของน้องๆ เวลาแนะนำตัวว่า สถ.5
นอกจากหน้าตาที่โทรมลงแล้ว ชีวิต 4 ปีที่ผ่านมา กล้าพูดได้ว่าไม่เคยนึกเสียดายเวลาเลยซักวัน ถึงแม้จะเริ่มรู้ตัวแล้วว่า ทางเดินเส้นนี้ อาจไม่ใช่จุดหมายสุดท้ายในชีวิต ไม่ใช่ว่าละทิ้งความฝันของตัวเอง แต่บางทีคนเราก็มีหลายความฝันที่ต้องทำให้สำเร็จ แต่ปัญหาคือมันทำพร้อมกันไม่ได้ไง -*- อาชีพสถาปนิกกับฉัน เป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวไปจนตาย แต่ก่อนจะตายขอทำอย่างอื่นบ้าง...
ตอนนี้เรียนมสธ.จบแล้ว ถือว่าได้ทำชีวิตให้ก้าวไปข้าวหน้าได้อีกก้าวหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่มันก็ยังดีกว่ายืนอยู่กับที่ไม่ใช่หรอ? ฉันมีความสุขอยู่ในโลกของแฟชั่น มีหนังสือแฟชั่นมากกว่าหนังสือบ้าน ดีไซเนอร์คือเป้าหมายต่อไปที่ตั้งใจไว้ แต่ก่อนอื่น ขอให้ได้ใบ กส. ไว้ประดับบารมีก่อนละกัน สาธุ!!!
ธนวรรณ 49020138
Turtle Tanawan | Create Your Badge
แกเป็นใคร เอาเติ้ลตัวจริงไปไว้ไหน
ReplyDeleteนี่ไม่ใช่เติ้ลที่ฉันรู้จัก
ทำไมบล็อกนี้ไม่มี "สีชมพู" !!!!!?
เติ้ลตัวปลอม
อ่านแล้ว เขียนได้น่าสงสาร เข้าใจในสิ่งที่ไปพบไปเจอมา ......แต่ไงก็ดี สถาปนิก ก็เป็นคน มีเลือดมีเนื้อ.....มีหัวเราะ มีน้ำตา....แต่ อย่าให้คนอื่นเห็นน้ำตา และความอ่อนแอของเรา เด็ดขาดนะครับ...
ReplyDelete